วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ครูคือใคร.......



ใครคือครู ครูคือใคร ในวันนี้ 
ใช่อยู่ที่ ปริญญา มหาศาล 
ใช่อยู่ที่ เรียกว่า ครูอาจารย์ 
ใช่อยู่นาน สอนนาน ในโรงเรียน 

ครูคือผู้  ชี้นำ  ทางความคิด 
ให้รู้ถูก รู้ผิด คิดอ่านเขียน 
ให้รู้ทุกข์  รู้ยาก รู้พากเพียร 
ให้รู้เปลี่ยน แปลงสู้ รู้สร้างงาน 

ครูคือผู้  ยกระดับ วิญญาณมนุษย์ 
ให้สูงสุด กว่าสัตว์  เดรัจฉาน 
ปลุกสำนึก  สั่งสม อุดมการณ์ 
มีดวงมาน เพื่อมวลชน ใช่ตนเอง 

ครูจึงเป็น นักสร้าง  ผู้ใหญ่ยิ่ง 
สร้างคนจริง  สร้างคนกล้า สร้างคนเก่ง 
สร้างคนให้ ได้เป็นตัว ของตัวเอง 
ขอมอบเพลง  นี้มา บูชาครู 

...เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์...

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เจาะประเด็น 3G กสท. – ทรู กระทบต่อผู้บริโภคหรือไม่

ตั้งแต่ต้นปี มีกระแสหนาหูว่า ทรูมูฟ (ไม่ใช่ ทรูมูฟ เอช) จะยุติการให้บริการ 3G และมีข่าวเกี่ยวกับกสทช ในการตัดสิน กสท. และ ทรู ในการดำเนินการ ทรูมูฟ เอช ว่ากระทำผิดตามมาตรา 46 หรือไม่ อย่างไร ซึ่งหลายๆคนอาจจะงง ว่าทำไมทรูมูฟต้องยุติ 3G ทำไมกทสและทรู ทำสัญญากันทำไม แล้วทำผิดฎหมายอะไร และมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาสรุปไว้…. มาติดตามกันว่า เกิดอะไรขึ้น และผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้อะไร และมีผลกระทบอะไรต่อผู้บริโภคอย่างเราไหม
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การให้บริการ 3G ของกลุ่มทรู แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ
(1) ทรูมูฟให้บริการ 3G แบบทดลองใช้ บนคลื่นความถี่ 850MHz ความเร็วสูงสุด 7.2Mbps
(2) ทรูมูฟ เอช ให้บริการ 3G ในเชิงพาณิชย์ บนคลื่นความถี่ 850MHz ความเร็วสูงสุด 42Mbps ในฐานะ Reseller ของ กสท (CAT)
(1) ทรูมูฟให้บริการ 3G แบบทดลองใช้
ย้อนไปที่เรื่องของประเด็นที่มีการถถเถียงกันว่า ทรูมูฟ จะยุติการให้บริการ 3G ซึ่งข่าวนี้ ทำให้ผู้ใช้ หรือลูกค้า เกิดความไม่มั่นใจ และไม่เข้าใจ คิดว่าทรูมูฟ จะพยายามผลักดันให้ลูกค้าย้ายไป ใช้งาน ทรูมูฟ เอช เยอะๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว สัญญาณสัมปทานของทรูมูฟ จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2556 ส่วน เอไอเอส จะสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2558 และดีแทค จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2562 จากกรณีนี้ จึงทำให้ทรูมูฟ หาทางช่วยลูกค้าเพื่อให้สามารถใช้งาน 3G ได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเราทราบแล้วว่า สาเหตุที่ยุติการให้บริการ 3G เกิดจากระยะเวลาสัมปทานกำลังจะสิ้นสุดลง ก็คงจะคลี่คลายข้อสงสัยต่างๆ และขอให้เข้าใจตรงกันว่า 3G ที่เราได้ใช้กันบนเครือข่ายทรูมูฟ เป็น 3G แบบ “ทดลองใช้” โดยนำความถี่คลื่นเดิมคือ 850MHz มาให้บริการแบบ “ทดลองใช้” หมายถึงขายแพ็คเกจ 3G ไม่ได้ หากสังเกตโปรโมชั่นจะพบว่า ขาย EDGE แล้วมีการแถมปริมาณ 3G ให้ใช้ตามปริมาณที่กำหนด ตรงนี้คำตอบจากหน้า FAQ ของ Truemove ชัดเจนมาก “ปัจจุบัน TrueMove ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในย่าน 850 MHz แต่ยังเป็นช่วงพร้อมใช้บริการ 3G โดยไม่คิดค่าบริการ และกำลังรอการอนุมัติประกาศให้บริการ 3G ในเชิงพาณิชย์ ซึ่ง กทช.จะเปิดประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการ 3G ในย่านความถี่ 2100 MHz เร็วๆ นี้” จากเว็บไซต์ Truemove 3G+ Wi-Fi ถาม – ตอบ
(2) ทรูมูฟ เอช ให้บริการ 3G เชิงพาณิชย์ ในฐานะ Reseller ของ กสท
ก่อนหน้าที่กสท.จะทำสัญญากับทรู ได้มีการพูดคุยกับทางฮัทชิสัน (Hutchison หรือฮัทช์) เพื่อขอใช้บริการในระบบ CDMA เหมือนกัน แต่หลังจากที่มีการยกเลิกการประมูล 3G โดยคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2553 จากนั้นทรูได้เข้าไปซื้อกิจการของฮัทช์ และเซ็นสัญญากับกสท.ในการให้บริการ 3G การที่ทรูซื้อฮัทช์ในครั้งนี้ ทำให้ทรูได้พื้นที่ให้บริการของลูกค้าฮัทช์ 25 จังหวัดในระบบ CDMA โดยให้บริการในระบบ HSPA ซึ่งสามารถให้บริการบนความเร็วสูงสุด 42Mbps บนคลื่นความถี่เดิมคือ 850MHz ภายใต้ชื่อ ทรูมูฟ เอช ในภายหลัง (ทรูมูฟ เอช เริ่มให้บริการในวันที่ 30 สิงหาคม 2554) และที่ทรูเลือกที่จะซื้อฮัทช์ เพราะฮัทช์ยังมีสัมปทานยาวไปถึงวันที่ 3 สิงหาคม 2568
เหตุใดจึงให้บริการบนเครือข่ายเดิม
เนื่องจากการประมูล 3G ต้องรอการจัดตั้งและสรรหา กสทช (สมัยนั้นยังไม่มี กสทช.) รวมไปถึงการประมูล 3G จะต้องรอระยะเวลา 2 – 3 ปี ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในช่วงที่รอการประมูลก็คือ ผู้ให้บริการ สามารถนำคลื่นความถี่เดิมมาพลิกแพลงให้บริการ 3G ไปก่อนได้ ดังนั้นในช่วงนี้เราจึงเห็น 3G บนคลื่นความถี่ 850 – 900MHz ก่อนที่จะมีการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ใบแรกของประเทศไทยบนความถี่ 2.1GHz (2100MHz) และจริงๆ แล้วนั้นผู้ให้บริการ 3G ที่ใช้คลื่นความถี่ 850-900 MHz ก็มีอยู่ทั่วโลก
ไขข้อสงสัย ผิดกฎหมายหรือไม่
ประเด็นที่หลายคนสงสัย ว่า กสท. และทรู ทำผิดกฎหมายอะไรหรือไม่อย่างไร ก็มีเหตุมาจากตรงนี้ เพราะการทำสัญญาของ กสท และทรู นั้นน่าสงสัย ว่าผิด พรบ.ร่วมทุน ปี พ.ศ. 2535 หรือไม่ และทำไมกสท ถึงให้บริษัททรูรายเดียวทำ 3G เหตุใดจึงไม่ให้บริษัทอื่นแข่งขันด้วย โดยทางกสท ได้เปิดให้สามารถทำธุรกิจร่วมแบบ Reseller ได้
ทรูมูฟ เอช ให้บริการเครือข่าย โดย กสท ให้บริการ โดยได้เช่าเสาจากบริษัท BFKT และให้บริการแบบขายส่งให้กับบริษัท เรียลมูฟ จำกัด ดังนั้นหากสังเกตจะเห็นว่า ทรูมูฟ เอช ให้บริการโดยมีพ่วงท้ายโลโก้ว่า A CAT Reseller คือทรูเป็นคนขายส่งต่อให้กับกสท. นั่นเอง
จากประเด็นข้างต้น ที่ว่ามีข้อสงสัย ก็ตรงนี้ เพราะกสท นั้นจ้างให้ BFKT สร้างเสา ดูแลเสา และขายต่อให้เรียลมูฟ เป็นการขายส่ง ประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมีความผิดตั้งแต่แรกคือ BFKT ไม่มีอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคม และหากผิดในมาตรา 46 ก็เพราะ กสท ไม่ใช่เจ้าของเสา ไม่ใช่เจ้าของผู้ให้บริการเครือข่าย เอง (ขายส่งให้ทรู) และไม่ใช่ MVNO เพราะเจ้าของอุปกรณ์เป็นของ BFKT โดยความผิดมาจากการที่กสท ไม่ใช่เจ้าของเครือข่าย (ทำไมกสท ไม่บริหารเอง แต่โอนถ่ายให้ผู้อื่นดำเนินการแทน) แต่ให้ BKFT สร้างและดูแลเครือข่ายให้)
เมื่อได้ทราบถึงที่มาที่ไปทั้งหมดแล้วว่า เจ้าของอุปกรณ์คือ BKFT ส่วน กสท หรือ CAT เช่าเสาสัญญาณและชุดอุปกรณ์ แล้วก็ขายให้ เรียลมูฟ เป็นผู้จัดจำหน่ายแบบขายส่ง (Reseller) การตีความของ กทค มองว่า สัญญามีความไม่ชอบตามมาตรา 46 พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 หรือ (พ.ร.บ.กสทช.) ที่ห้ามโอนสิทธิ์การใช้คลื่นความ ถี่ไปให้บุคคลอื่น ทางแก้ตอนนี้ก็คือ อาศัยอำนาจตามมาตรา 47 และมาตรา 27 (4) และ (6) ประกอบมาตรา 40 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มีคำสั่งให้ กสท และทรู ไปคุยกันเพื่อแก้ไขสัญญาให้ถูกต้องตามมาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือ สัญญาเดิมได้ระบุว่า กสทต้องใช้คลื่นความถี่และอุปกรณ์ของ BFKT “เท่านั้น” อันนี้ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับบริษัทอื่นได้ และกสท.ต้องสามารถครอบครอง ควบคุม ดูแล บริหารจัดการ พูดง่ายๆคือเป็นเจ้าของเครือข่ายเอง (อย่างที่บอกข้างต้นคือเป็นการเช่าอุปกรณ์จาก BKFT และขายต่อให้เรียลมูฟ) และกสท.ต้องมีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการตัดสินใจเรื่องคลื่นความถี่ และการขยายเครือข่าย (สัญญาเดิมต้องขออนุญาต BFKT ก่อน เพราะเช่าเขา) และสุดท้ายก็คือกสท. ต้องสามารถให้บริการร่วมกับเครือข่ายอื่นได้ (สัญญาเดิมบอกว่าเฉพาะ BFKT เท่านั้น)
สัญญาคลุมเครือจริงหรือ แล้วจะกระทบอะไรต่อผู้บริโภคไหม
อ่านมาถึงบรรทัดนี้ จะเห็นภาพได้ว่า เรื่องราวทั้งหมด เป็นเรื่องของสัญญาที่เขียนไว้และเซ็นสัญญากันอย่างคลุมเคลือ ตอนนี้ก็ต้องแก้ไขให้ชัดเจนตามมาตรา 46 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และจัดการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ (30 วัน) ก็จะใช้งานได้ตามปกติ โดยสัญญา “ไม่เป็นโมฆะ” และลูกค้า “ไม่ได้รับผลกระทบและไม่ได้รับความเดือดร้อน” สามารถใช้บริการได้ตามปกติ

แง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิต


1. อย่าเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับของคนอื่น
เพราะคุณไม่รู้ว่าหรอกว่าที่ผ่านมา พวกเขาเจออะไรมาบ้าง
   
2. อย่าเพิ่งมีความคิดที่ไม่ดี ในสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้
แต่จงใช้พลังงานของคุณในการคิดถึงแต่สิ่งดีๆ แทน
   
3. อย่าทำอะไรเกินตัว ต้องมีลิมิตของตัวเอง
   
4. อย่าซีเรียสกับชีวิตให้มากนัก
   
5. อย่าเสียเวลาอันมีค่าของคุณไปกับการนินทาชาวบ้าน
   
6. จงฝันในขณะที่คุณตื่นให้มากขึ้น
   
7. ความอิจฉาเป็นเรื่องเสียเวลา
คุณจะอิจฉาไปทำไมในเมื่อคุณก็มีทุกสิ่งที่ต้องการอยู่แล้ว
   
8. จงลืมๆ เรื่องในอดีตไปเสียบ้าง
และอย่าขุดเรื่องผิดพลาดของเพื่อน หรือคนใกล้ตัวคุณขึ้นมาพูดอีก
เพราะมันจะทำลายความสุขในปัจจุบันของคุณ
   
9. ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น ฉะนั้นอย่าได้เกลียดใครให้เสียเวลาเลย
   
10. จงสร้างสันติภาพกับอดีตของคุณ
แล้วมันจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายคุณในปัจจุบัน
   
11. ไม่มีใครควบคุมความสุขของคุณได้ ตัวคุณเองนั่นแหละ
   
12. ระลึกไว้เสมอว่าชีวิตเราก็เหมือนโรงเรียน เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อเรียนรู้
ปัญหาต่างๆ ก็แค่ส่วนหนึ่งในบทเรียนซึ่งผ่านมา แล้วก็ผ่านไป
แต่วิชาที่คุณได้เรียนรู้นั้น มันจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต
   
13. ยิ้มและหัวเราะให้มากๆ
   
14. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกการโต้แย้ง
จงยอมรับในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยเสียบ้าง.

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Microsoft เปิดตัวแท็บเล็ต Windows8 ในชื่อ Microsoft Surface

เมื่อเช้าเวลาประมาณ ตี 5 .45 น. ของวันที่ 19 มิถุนายน Microsoft จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอะไรบางอย่าง ที่ Los Angelis รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา งานจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ร่วมงาน ปรากฏสิ่งที่เปิดตัวในเช้าวันนี้ มันคือแท็บเล็ตใหม่จาก Microsoft ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่มีชื่อว่า Microsoft Surface โฉมใหม่ ซึ่งนับจากนี้ไปชื่อ Microsoft Surface นี้จะเป็นชื่ออุปกรณ์แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows8 นี้ สำหรับข้อมูลสเปคเครื่องมีดังนี้ 

แท็บเล็ต Microsoft Surface For Windows RT
  • OS: Windows RT
  • Light(1): 676 g
  • Thin(2): 9.3 mm
  • Clear: 10.6″ ClearType HD Display
  • Energized: 31.5 W-h
  • Connected: microSD, USB 2.0, Micro HD Video, 2×2 MIMO antennae
  • Productive: Office ’15′ Apps, Touch Cover, Type Cover
  • Practical: VaporMg Case & Stand
  • Configurable: 32 GB, 64 GB
แท็บเล็ต Surface for Windows 8 Pro
  • OS: Windows 8 Pro
  • Light(1): 903 g
  • Thin(2): 13.5 mm
  • Clear: 10.6″ ClearType Full HD Display
  • Energized: 42 W-h
  • Connected: microSDXC, USB 3.0, Mini DisplayPort Video, 2×2 MIMO antennae
  • Productive: Touch Cover, Type Cover, Pen with Palm Block
  • Practical: VaporMg Case & Stand
  • Configurable: 64 GB, 128 GB
ทั้ง 2 รุ่นนี้ ใช้จอแบบ Gorilla Glass มีขาตั้ง (Kickstand ) ติดกับเครื่องแท็บเล็ตให้สามารถตั้งได้



สำหรับ Surface for Windows 8 Pro มีปากกาให้ด้วย สามารถทำงานได้ทั้งแบบใช้มือและใช้ปากกา โดยหากใช้ปากกาจะเข้าสู่การเขียนการวาดโดยอัตโนมัติ


และมีอุปกรณ์เสริมที่มีชื่อว่า Touch Cover และ type cover ซึ่งเป็นแผงคีย์บอร์ดที่ใช้คู่กับ แท็บเล็ต Surface ได้ด้วย


แท็บเล็ต Microsoft Surface นับว่าเป็นการออกแบบเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างกับใช้โน้ตบุ๊ค หรือพีซี รองรับการสัมผัส สะดวกทั้งการพกพาและการใช้งานจริง ซึ่งรุ่นนี้จะมาสู้กับพวกแท็บเล็ตต่างๆ รวมถึงพวก Ultrabook ด้วย ไม่ธรรมดาจริง รายงานจากแหล่งข่าวตอนนี้ยังไม่ทราบราคาและกำหนดวางจำหน่ายว่าจำหน่ายเมื่อไหร่ ? คงรอกันต่อไปจะมีรายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

งาน WWDC 2012 Apple เปิดตัว iOS6 พร้อมพรีวิวความสามารถใหม่ เริ่มอัพเกรด กันยายนนี้


วันที่: 12 มิถุนายน 2012
หมวดหมู่: AppleFacebookGoogleiPhoneTwitterบทความไอที 24 ชั่วโมง
ป้ายคำ: ,
จากข่าวก่อนหน้านี้เป็นที่แน่ชัดว่า WWDC 2012 นี้จะมีการเปิดตัว iOS6 นี้อย่างแน่นอน แสดงว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในอนาคตสำหรับ อุปกรณ์ iOS อย่าง iPhone , iPod Touch และ iPad นี้ เลยมาดูกันว่าความสามารถที่เพิ่มขึ้นจะมีอะไรบ้าง ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็จะรวมไปถึงอนาคตผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คุณรอคอยอย่าง iPhone รุ่นใหม่และ iPod Touch รุ่นใหม่ในอนาคตด้วย
ตัวเลขสถิติ Apple กล่าวว่ามีผู้ใช้อุปกรณ์ iOS รวมกว่า 365 ล้านรายแล้ว แถมจัดอันดับความพึงพอใจว่า iOS อยู่อันดับ 1 ซะอีก มากกว่า Android  ส่วนตัวเลขการใช้บริการอื่นอย่าง iMessage ก็มีคนใช้ iMessage 140 ล้านราย  ส่งข้อความไปหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านข้อความ เฉลี่ย 1 พันล้านข้อความต่อวัน ส่วน Game Center มีคนเล่นมากถึง 130 ล้านบัญชี
และสิ่งที่จะมาใหม่บน iOS6 นี้จะทำให้เจ้า SIRI ผู้ช่วยของคุณใน iPhone 4S มีความสามารถที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดเพื่อสั่ง ให้เปิดแอพพลิเคชั่นนั้น  รองรับภาษาที่เพิ่มขึ้นมากถึง 15 ภาษาแล้ว และ iPad รุ่นใหม่นี้จะได้ siri บน iOS6 ด้วย   siri สามารถรองรับคำสั่งเพื่อแสดงรายงานผลกีฬา สถิติกีฒา แนะนำร้านอาหารใกล้ตัวคุณ และแนะนำภาพยนตร์ดีๆให้กับคุณได้  เรียกได้ว่า siri จะมีความเก่งข้อมูลเรื่อง Lifestyle มากขึ้นเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Apple ได้จับมือกับผู้ผลิตรถยนต์หลายแบรนด์ เปิดตัว  Eye Free ที่สามารถสั่งSiri ผ่านทางรถยนต์ได้  โดยจะมีปุ่ม Eye Free อยู่บริเวณพวงมาลัยรถยนต์ให้กดและสั่ง siri ได้เลย
เนื่องจากตั้งแต่ iOS5 มีระบบแจ้งเตือนด้วยดังนั้นหากคุณได้อนุญาตให้แอพมาช่วยเตือนว่ามีอัพเดทอะไรถึงเราบ้าง ตลอดจนการเชื่อมต่อเข้าถึง Social Network นี้ ทำให้คุณรู้สึกรำคาญในขณะที่คุณหลับอยู่หรือทำงานอยู่  iOS6 เลยออกฟีเจอร์ Do Not Disturb ให้  ตอบโจทย์ตัดปัญหาเรื่องการแจ้งเตือนที่รำคาญในช่วงเวลาที่คุณหลับ
Facebook ถูกใส่ใน iOS6 ให้คุณอัพเดตสถานะ แชร์เว็บเพจ Sync ปฏิทินกิจกรรม  สามารถสั่ง Siri มาช่วยโพสสถานะ Facebook ได้ รวมถึงการ sync รายชื่อเพื่อนๆบน facebook ก็มาลงในใน iOS6 ได้ทันทีด้วย ซึ่งต่อยอดจากเดิมที่ iOS 5.5 จะรองรับกับ twitter นี่เอง เท่ากับว่าคุณสามารถโพสสถานะและติดตามเพื่อนบน facebook  และ twitter ได้เลยโดยไม่ต้องลงแอพ
สามารถแชร์ภาพ Photo Stream แชร์ภาพได้ดั่งใจมากขั้นทั้งแชร์ขึ้นทีวีโดยตรง หรือแชร์ส่งอีเมลล์ หรืออัพขึ้น facebook , twitter ได้อย่างสบายๆ
มีการเปลี่ยนแปลง อัพเดต Facetime จากเดิมที่ใช้ได้เมื่อเชื่อมต่อกับ wi-fi แต่เมื่อคุณอัพเกรดสู่ iOS6 นี้ จะสามารถ Facetime ผ่านระบบ 3G ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของคุณได้ ซึ่งจะใช้ได้ก็ต่อเมื่ออุปกรณ์ของคุณรองรับ 3G ด้วย เช่น iPhone , iPad2 รุ่น 3G  และ The new iPad รุ่น Cellular
และบริการใหม่ที่เด็ดมาก เกี่ยวกับบัตรนี้เอง ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกบน iOS6 นี้ กับแอพที่มีชื่อว่า Passbook  ซึ่งคุณสามารถสแกนบัตรเพื่อรับบัตรต่างๆเช่นตั๋วชมภาพยนตร์ ตั๋วโดยสารต่างๆ คูปองร้านอาหาร ตั่วคอนเสิร์ต และตั๋วเครื่องบินได้ด้วย โดยเช็คผ่านทาง Passbook บนมือถือ iPhone และ บน iPod Touch ได้เลย
บริการ Mail เพิ่ม Mail VIP แจ้งเตือนข้อความจากผู้ส่งที่เป็นคนสำคัญของคุณ เช่นคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้อง และแฟนของคุณนี่ละ จดหมายก็จะเตือนผ่าน Mail VIP เลย และเมลล์สามารถแนบไฟล์ภาพแล้วจะปรากฏแสดงภาพใน Mail ได้เลยด้วย
ปิดท้าย ด้วย Maps โฉมใหม่ บน iOS6 คราวนี้จะไม่ใช้บน Google Maps จาก Google แล้ว เปลี่ยนมาใช้  OpenStreetMap สำหรับโครงแผนที่ โดยแผนที่นี้แสดงข้อมูลร้านอาหารได้ด้วยผ่านทาง yelp มีมีรวมไว้ในแผนที่ใหม่  แสดงข้อมูลจราจรแบบ Real-time แสดงแผนที่ในแบบ 3มิติ ผ่านฟีเจอร์ Flyover  และสามารถสสั่งงานเกี่ยวกับแผนที่ผ่าน SIRI ได้
ยังมีฟีเจอร์อื่นๆอีกที่ถูกอัพเดทรวมใน iOS 6 นี้กว่า 200 ฟีเจอร์ จะเปิดโหลดในช่วงเดือนกันยายนนี้ ส่วนสำหรับนักพัฒนาสามารถทดสอบ iOS6 Beta ได้ตั้งแต่วันนี้  จะใช้ได้เฉพาะ iPad 2 ขึ้นไป และ iPod touch 4 และ iPhone 3GS ขึ้นไป  รวมไปถึงฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ได้เต็มรูปแบบใน iPhone รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2012 ด้วย รอลุ้นกันว่า iPhone รุ่นใหม่นี้จะมาเมื่อไหร่ ?

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

แง่คิดดีๆ

1 นาที..ที่คุณโกรธ 
เท่ากับ..คุณได้สูญเสีย 60 วินาที 
แห่งความสงบในจิตใจ..ไปแล้ว 
2.หนทางเดียว..ที่จะรักษาภาพพจน์ได้..คือ.. 
การซื่อสัตย์..ตลอดเวลา 

3.การมีชีวิตอยู่-นานเท่าใด.. 
มิใช่..สิ่งสำคัญ 
สิ่งสำคัญ..ก็คือ .มีชีวิตอยู่-อย่างไร 
4.เราเข้าใจชีวิต.. 
เมื่อมองย้อนหลัง..เท่านั้น 
แต่..เราต้องดำเนินชีวิต..ไปข้างหน้า 
5.ความอดทน.. 
คือ..เพื่อนสนิท..ของสติปัญญา 

5 วิธีหางานด้านดิจิตอลในต่างแดน


ขอขอบคุณบทความเรื่อง “How To: 5 วิธีหางานด้านดิจิตอลในต่างแดน” ของคุณ จักรพงษ์ คงมาลัย บรรณาธิการเวปไซต์ธุรกิจดิจิตอล thumbsup.in.th  ที่ให้เรานำมาทำรายการไอที24ชั่วโมง และเราได้คัดลอกบางส่วนของบทความ How To: 5 วิธีหางานด้านดิจิตอลในต่างแดน ที่ลงใน thumbsup.in.th มาไว้ในบทความนี้
การทำงานต่างประเทศเป็นเหมือนกับความฝันของหลายๆ คน เพราะนอกจากจะได้ “โกอินเตอร์” สร้างพอร์ต เสริมประสบการณ์ต่างแดน มีเวทีในการสร้างผลงานแล้ว แน่นอนว่าบริษัทต่างชาติใหญ่ๆ Multi-National Company หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า MNC เขาก็จะเสนอเงินเดือน รายได้ ผลตอบแทนที่ดีให้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหนที่บริษัทจะเสนอให้คุณ บ้าน รถ ค่าอาหาร Stock option สิทธิพิเศษ บัตรเครดิตของบริษัทให้ใช้จ่าย ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมันรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเอนเตอร์เทนเม้นท์ ค่ายิม ค่าตรวจสุขภาพ ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เขาจะเสนอมาให้ ก็แล้วแต่ว่าคุณมีความสามารถอย่างไร ค่าตัวแค่ไหน
ทีนี้ถ้าคุณอยู่เมืองไทย อยากจะทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะในสายดิจิตอล สายไอที Telco จริงๆ ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เพียงแต่ควรจะทำจากจุดเล็กๆ ง่ายๆ ก่อน ผมไม่ใช่คนที่เชียวชาญอะไรในด้านนี้นะครับ แต่มีประสบการณ์มาแชร์เท่านั้น ถ้าหากว่ามันทำให้คุณได้งานในต่างประเทศ ก็ยินดีครับ ผมเขียนเป็นขั้นๆ ไปนะครับ
1. ภาษาอังกฤษต้องแม่นก่อน ภาษาเป็นสิ่งสำคัญมาก คนไทยส่วนใหญ่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เก่งๆ กันเยอะ แต่มาตายเรื่องภาษา ทำให้เป็นอุปสรรค ผมแนะนำเลยครับว่าติวด่วน สมัยผมอยู่เมืองไทย ก่อนไปทำงาน ภาษาก็ไม่ได้เจ๋งมากนะครับ แค่พูดได้ฟังได้ แกรมม่าไม่ได้แน่นเปรี๊ยะ สถานที่ที่คุณจะไปเรียนได้ก็มีหลายที่ AUA, British Council, ครูเคท ฯลฯ
2. รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง - สำรวจตัวเองครับ รู้ก่อนว่าเราชอบทำอะไร career path ไปทางไหน จุดแข็งจุดอ่อนตัวเองอยู่ตรงไหน แล้วมัน match กับความต้องการของบริษัทนั้นๆ ไหม ถ้าเรารู้แล้ว เราก็จะรู้ว่ามีบริษัทไหนบ้างที่ต้องการคนที่มีทักษะแบบเรา การสมัครงานไม่ใช่ว่าสมัครไปทั่วนะครับ เราควรดูว่าเราเหมาะกับตำแหน่งนั้นไหม ผมเองยอมรับว่าสมัยจบมาใหม่ๆ ก็ร่อนใบสมัครไปทั่วเน็ตเหมือนกันครับ ด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้งาน ตอนนั้นจบมาเศรษฐกิจช่วงปี 40 กำลังตกต่ำเสียด้วย แต่การทำอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรครับ เสียเวลาเปล่าๆ แต่ถ้าคุณเพิ่งจบใหม่ ก็พยายามสมัครไปให้ตรงกับสายที่เรียนมา แต่ส่วนใหญ่จากประสบการณ์ผม บริษัท MNC ไม่ค่อยรับเด็กจบใหม่ครับ จะเอาผ่านงานมาแล้วเกือบทั้งนั้น เพราะไม่ต้องมานั่งปวดหัวแนะนำอะไรกันมาก
3. เริ่มจากประเทศที่เหมาะกับคุณ – ตรงนี้ต้องยอมรับว่าถ้าคุณจบต่างประเทศ คุณจะมีโอกาสในการทำงานต่างประเทศมากกว่าคนที่จบในเมืองไทย อย่างสมัยก่อนถ้าจบอเมริกา คุณก็มีสิทธิ์ในการที่จะทำงานที่อเมริกาประมาณหนึ่งปี (รู้สึกตอนนี้กฏเปลี่ยนแล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกัน) มันก็จะทำให้คุณมีโอกาสในการทำงานในประเทศนั้นๆ มากขึ้น เพราะคุณพำนักอยู่ในประเทศนั้นอยู่แล้ว ทางฝ่ายบุคคลของบริษัทนั้นๆ ก็ไม่ต้องเดินเรื่องเอาคุณเข้าประเทศ คอยบอกคุณเรื่องที่พัก ค่าครองชีพ จิปาถะอะไรทำนองนี้
แต่ถ้าบังเอิญไม่ได้จบนอก จะมีโอกาสไหม มีครับ ผมแนะนำว่า เบื้องต้นเอาง่ายๆ สมัครประเทศไหนก็ได้ที่เขาต้องการคนไทย ทักษะพื้นๆ ทั่วไปที่บริษัท MNC บางแห่งต้องการก็คือ ถ้าคุณมีความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง เขาก็จะจ้างคนด้านนั้นมาหลายๆ ภาษาครับ เช่น พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ภาษาไทย ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ประจำประเทศไทย อย่างที่สิงคโปร์นี่ก็เป็นหนึ่งในประเทศใกล้ๆ ที่มาง่าย เพราะสิงคโปร์จะเป็นเหมือนกับ Regional hub ของประเทศในแถบบ้านเรา บริษัทต่างชาติเวลาเขาจะลงทุนตั้งบริษัทในแถบนี้ เขาก็มักจะมาที่นี่ครับ เพราะเสถียรภาพ ความมั่นคงทางการเมือง นโยบายการลงทุนกับต่างชาติ คุณภาพของบุคลากร ค่อนข้างเอื้อกับการทำงานของเขา
4. เสิร์ชตำแหน่งไทยในต่างแดนให้เป็น – การหางานในต่างประเทศ เริ่มง่ายๆ ก็ลองใช้เว็บหางานที่เป็นที่นิยมในแต่ละประเทศก่อนครับ อย่างสิงคโปร์นี่เว็บดังก็ต้อง Jobstreet.com.sg Monster.com.sg หรือเว็บอื่นๆ อีกหลายต่อหลายแห่ง เสร็จแล้วก็ใส่คีย์เวิร์ดว่า “Thai” เข้าไป แค่นี้คุณก็จะเจอตำแหน่งงานที่รับพวก Thai speaking หรือตำแหน่งที่รับคนที่มีทักษะเฉพาะที่คุณมี แต่คุณก็จะเสียเปรียบคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศนั้นๆ อยู่แล้ว รวมทั้งลองใช้บริษัทแนว Head Hunter ก็ได้นะครับ อันนี้ก็แล้วแต่ว่า Head Hunter จะมา “ล่า” คุณหรือเปล่า
5. ใส่ใจ LinkedIn – ถ้าคุณเป็นคนที่ active อยู่บน Social Network ต่างๆ คุณอาจจะเคยผ่านไปที่เว็บไซต์LinkedIn.com ซึ่งเป็น Social Network สำหรับคนทำงานนะครับ ในบ้านเรายังไม่ค่อยฮิตเท่าไหร่ มีคนใช้เพียงหลักไม่กี่แสนคน แต่ว่าในต่างประเทศคนใช้กันค่อนข้างมาก ผมขอแนะว่าว่างๆ คุณควรเข้าไป join กลุ่มต่างๆ ในชุมชนคนทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณอยากทำ เช่น คุณสนใจงานโฆษณาออนไลน์ในต่างประเทศ คุณก็สมัครเข้าไปร่วมกลุ่มคนที่สนใจเรื่องโฆษณาออนไลน์ในประเทศที่คุณอยากไป บางทีเขาจะเอาตำแหน่งที่น่าสนใจมาโพสต์ หรือไม่ใน LinkedIn เขาก็จะเอาตำแหน่งงานที่เหมาะกับความสนใจของคุณขึ้นมาให้ดูอยู่เรื่อยๆ
จากประสบการณ์ผม คุณต้องทำงานมาระยะนึง มีพอร์ตพอสมควรแล้ว ถึงจะมีคนมาล่าครับ เมื่อเจองานที่คิดว่าใช่แล้วก็ส่ง CV ไปได้เลยครับ แต่วิธีการเขียน CV ก็ต้องเขียนให้มันโดน ให้เขามั่นใจได้ว่าคุณทำงานกับคนต่างประเทศได้นะ ภาษาอังกฤษแน่นพอตัว ก็จะทำให้ผ่านได้ฉลุย ยิ่งถ้าคุณหางานในบริษัทสมัยใหม่หน่อย อ่านบล็อกของบริษัทนั้นบ่อยๆ ครับ คุณจะรู้ว่าเขาเปิดรับเมื่อไหร่ รับบุคลากรด้านไหนบ้าง ก็จะทำให้มีโอกาสมากขึ้นไปอีก
นอกจากบัญญัติ 5 ข้อที่ผมเขียนขึ้นมาแล้ว ก็มีเรื่องบอกอีกอย่างครับว่า บริษัท MNC ชอบรับคนจากบริษัท MNC ด้วยกัน… ผมเองมาจากบริษัทในประเทศไทย ไม่เคยผ่านงานบริษัทต่างชาติมาก่อนแต่ก็เข้าได้ เพราะเคยรับงานพาร์ทไทม์สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศมาบ้าง ทำให้ฝ่าย HR ที่นี่เขามั่นใจมากขึ้น แต่ถ้าหากว่าคุณทำงานที่มีสาขาอยู่ต่างประเทศอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งดีใหญ่ครับ อันนี้จะทำให้เขามั่นใจได้ว่าคุณทำงานในระบบที่มีความเป็นสากลได้ง่ายขึ้น เพราะเหตุนี้เราจึงเห็นการย้ายงานระหว่างบริษัทต่างชาติกันเองบ่อย
ท้ายสุดเผื่อว่าใครอยากจะอ่านหนังสือหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมแนะนำหนังสือ คู่มือหางานอินเตอร์ ครับ เล่มนี้เคยเปิดๆ อ่านตามร้าน น่าจะเหมาะกับคนที่สนใจงานในต่างประเทศ หรืองานบริษัทต่างชาติ หรือถ้าหากคุณคิดว่าคุณมีข้อมูลดีๆ ที่ผมไม่รู้ ช่วยกันแชร์นะครับ น่าจะมีประโยชน์กับคนไทยด้วยกัน